โมเลกุลบนท้องฟ้า
หลังจากมรสุมกุมภาฯ ได้ผ่านพ้นไป …. ท้องฟ้าก็แจ่มใสอีกครั้ง ฮ่า……..
เลยได้โอกาสเปลี่ยนหัวบล็อกใหม่ Sky, Stars, You, and Me นึกถึงสี่อย่างนี้ก็มีความสุขได้ แหะๆ เบื้องหลังเป็นภาพหมู่ดาวที่เรียงตัวกันเป็นโมเลกุลของ Tyrosine, Streptomycin และ Trimethoprim
Med.Chem. ขึ้นหัว (แต่ไม่ยอมฝังในหัว)
ก่อนหน้านี้ 4 วันที่แล้วสอบวิชา Med Chem วิชาที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะต้องเรียนใหม่มากที่สุดในคณะฯ T-T กลัวนะเว่ยยยยยย….
ขณะนั่งวาดสูตรต่างๆ เผื่อมันจะทำให้ระลึกได้บ้างเวลาสอบ พลันก็นึกไปถึงหมู่ดาวบนท้องฟ้าที่มนุษย์อุตส่าห์วาดเส้นโยงให้ ว่าแล้วก็อยากดูดาว (แต่ทำไม่ได้ :D)
ตอนนั้นบ่นในใจ … ให้กุท่องกลุ่มดาวทั้งฟ้าดีกว่าท่องสูตรโครงสร้างยาอีก … ขณะนั้นกำลังอ่านยาพยาธิ Albendazole นึกถึงกลุ่มดาวนายพรานขึ้นมาแปลบๆ
คล้ายมั๊ย? ช่วยดูให้คล้ายหน่อย เราเรียกยานี้ว่า ยานายพราน (เรียกอยู่คนเดียวเนี่ยแหละ)
ความเหมือนและความต่างของ กลุ่มดาว (constellation) และ สูตรโครงสร้างยา (structural formula)
ข้อเปรียบเทียบ |
กลุ่มดาว |
สูตรโครงสร้างยา |
|
จำนวน | มี 88 กลุ่ม 89 ส่วน | มีมากมายมหาศาล | |
หนึ่งส่วนประกอบด้วย | ดวงดาวหลายดวงที่มองจากโลกแล้วอยู่เห็นอยู่ใกล้ๆกัน ในอวกาศ 3 มิติ (มักนำเฉพาะดาวที่มีอันดับสว่างเกิน 6 มาเรียงกัน ส่วนที่สว่างน้อยกว่านั้น ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ก็นับว่า อยู่ในอาณาบริเวณกลุ่มดาวนั้นๆ แต่ไม่นำมาเรียงต่อ) | อะตอม C, H, O, N, S และโลหะต่างๆ มีจำนวนแน่นอนในแต่ละสูตร | |
ชื่อของแต่ละส่วนย่อย | ไม่ซ้ำกัน อาจเป็นชื่อดาวที่มีการเรียกกันมานานแล้ว หรือเรียกตามระบบเบเยอร์ ซึ่งเรียกเป็นอักษรกรีกแล้วตามด้วยชื่อย่อกลุ่มดาว (มักเรียงตามความสว่าง แต่ไม่เสมอไป) เช่น α Ori | เป็นชื่ออะตอมต่างๆ ข้างต้น อะตอม C มักแสดงด้วยเส้น H มักละไว้ ส่วนอะตอมอื่นมักระบุ เมื่อธาตุมาเรียงต่อกัน มักเรียกเป็นหมู่ฟังก์ชั่นนั้นๆ เช่น หมู่ Amine | |
ขนาด | อาจเล็กสุดแค่ประกอบด้วยดาวเรียงกันแค่ 2 ดวงหรืออาจเรียงตัวยาวมีพื้นที่ถึง 1,303 ตารางองศา บนทรงกลมท้องฟ้า | อาจเป็นอะตอมเดียว หรืออาจเรียงตัวกันซับซ้อนมีโมเลกุลนับพัน นับหมื่น นับแสน เรียงตัวกันเป็นโพลิเมอร์อีก (แต่ที่เรียนไม่ต้องไปท่องตัวที่ซับซ้อนแบบนั้น) | |
เส้น สัญลักษณ์ ที่เกียวข้อง | เส้นหนึ่งเส้น แทนรูปร่าง ปลายเส้นสิ้นสุดตรงดาวแต่ละดวง ซึ่งมีสี และขนาดต่างกันๆรูปร่างจะมีลักษณะอิสระ ตามจินตนการร่วม ของผู้คนในสมัยโบราณ ซึ่งลากแล้วจะเป็นรูปร่างต่างๆ
แต่ละจุดของดวงดาว จึงสามารถมีเส้นลากผ่านได้ไม่จำกัด |
เส้นหนึ่งเส้น แทนพันธะเดี่ยว หากเป็นเส้นซ้อนกันสองเส้น จึงเป็นพันธะคู่ อะตอมต่างๆ ได้กล่าวแล้วข้างต้นรูปร่างแบ่งเป็น 2 แบบคือ aliphatic เป็นโมเลกุลเชิงเส้น และ aromatic เป็นวง คือเส้นกลับมาบรรจบกันอีกครั้ง
การเติมเส้นแต่ละเส้น เป็นไปตามหลักเคมีเกี่ยวกับวาเลนซ์อิเล็กตรอนและออร์บิทัล ซึ่งขึ้นกับธรรมชาติของอะตอมนั้นๆ |
|
ความสัมพันธ์แต่ละกลุ่ม | แต่ละกลุ่มถ้าอยู่ติดกัน จะเติมเต็มกันบนท้องฟ้า แต่ไม่เสมอไป เพราะพื้นที่ท้องฟ้าบางส่วนก็ไม่มีหมู่ดาวความสัมพันธ์อีกแบบคือ เป็นตัวละครในเทพนิยายเดียวกัน เช่น อันโดรเมดรา เพอร์เซอุส แคสิโอเปีย ซิฟิอุส และปีศาจซีตัส (อยู่โซนๆเดียวกันเลย โดนจับโยนขึ้นฟ้าพร้อมๆกัน) | แบ่งตามฤทธิ์เภสัชวิทยา ยาในกลุ่มเดียวกัน จะรักษาโรคกลุ่มเดียวกัน แล้วแบ่งย่อยตามกลไกอีกหรือแบ่งตามการพัฒนา ซึ่งยามี Lead Compound เดียวกัน แต่อาจมีฤทธิ์ต่างกัน | |
ความคล้ายในแต่ละกลุ่ม | อาจมีดาวบางกลุ่มที่เรียงตัวคล้ายกัน เช่นเป็นกระจุกคล้ายดาวลูกไก่ หรือที่ซีกโลกใต้มีดาวกางเขน และดาวกางเขนเทียมที่เรียงตัวคล้ายกัน แต่โดยมาก มักมีพิกัดที่ต่างกัน จึงไม่ค่อยสับสน | มีการพัฒนาโดยเติมอะตอมเพิ่มไปตัว สองตัว แล้วเปลียนชื่อ ทำให้สับสนได้ นอกจากนี้ อาจมียาคนละกลุ่มแต่มีโครงสร้างหลักคล้ายกันมาก ทำให้สับสนได้ขึ้นไปอีก | |
การเรียกชื่อ | มักเรียกชื่อตามรูปร่างของกลุ่มดาวที่ปรากฏ เช่น กลุ่มดาวคนคู่ ดูเป็นรูปคล้ายกับคนสองคนกอดคอกันองค์กรที่เกี่ยวข้อง International Astronomical Union | IAU | มีการเรียกชื่อหลายแบบ แต่มักตั้งตามWHO | International Nonproprietary Names ซึ่งอิงตามหมู่ฟังก์ชัน และฤทธิ์รักษา ดังนั้น การมีชื่อคล้ายกัน มักมีโครงสร้างคล้ายกัน และสามารถคาดเดาโครงสร้างจากชื่อยาได้ | |
การพัฒนา | แม้ว่าทรงกลมฟ้าจะอยู่เหมือนเดิม และกลุ่มดาวก็เรียงตัวเหมือนเดิม (มีอัตราการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก) แต่การเรียกชื่อดาวก็มีการเปลี่ยนแปลงตามสมัย มีการเรียกกลุ่มดาวต่างๆ ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณแล้ว ต่อมาใน คริสต์ศตวรรษที่ 16 ได้มีตั้งกลุ่มดาวเพื่มเติมบางกลุ่มที่อยู่ซีกโลกใต้ที่ชาวกรีกมองไม่เห็น และครั้งสุดท้ายสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลได้แบ่งกลุ่มดาวอย่างแน่นอน เป็น 88 กลุ่ม | การคิดค้นยา มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แต่การศึกษาอย่างมีระบบและการค้นพบทฤษฏีเคมีอินทรีย์ต่างๆ เพิ่งมีเมื่อ คริสต์ศตวรรษที่ 19 ดังนั้น สูตรโมเลกุลต่างๆ จึงมีให้มาให้ท่องตั้งแต่นั้น
และปัจจุบันอัตราการคิดค้นยาใหม่ค่อนข้างสูงกว่าเมื่อ 100 ปีที่แล้วมาก ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้การคิดค้นมีมากขึ้น นอกจากนี้ยังมียาบางส่วนที่เคยใช้ในอดีต แต่พบการเกิดพิษ จึงเลิกใช้แล้ว จำนวนมากเหมือนกัน |
|
การศึกษา | ศึกษาด้วยตนเอง มีกล้องดูดาว แผนที่ดาว โปรแกรม Constellarium สมุดจดบันทึก เว็บไซต์ดาราศาสตร์ ใช้เวลา 1 ปีในการดูดวงดาวให้ครบ มีข้อจำกัดด้านภูมิอากาศ และพิกัดที่ดูดาว | ต้องมีพื้นฐานวิชา เคมีทั่วไป เคมีอินทรีย์ 1,2 มีสอนในวิชา เคมียา1,2 รวม 6 หน่วยกิต เป็นวิชา Lacture อุปกรณ์ เอกสารประกอบการเรียน Power Point ปากกาไฮไลท์ หนังสือ(ถ้าอยาก) ไฟล์เสียง ฯลฯ
มีการวัดผลตอนกลางภาคเรียน และปลายภาคเรียน |
|
การนำไปใช้ | การรู้จักกลุ่มดาว ทำให้รู้ความเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าในแต่ละคืน แต่ละฤดู ฯลฯ ซึ่งอาจไม่จำเป็น แต่ก็เป็นความสุขของคนๆหนึ่งที่ได้แหงนหน้าไปบนท้องฟ้า ข้อจำกัด กลางวัน และเมฆยามค่ำคืน | การรู้สูตรโครงสร้างยา เป็นประโยชน์แก่เภสัชกร เพื่อให้เข้าใจกลไกต่างๆ เมื่อยาเข้าร่างกาย และสามารถบริหารยาได้อย่างถูกต้อง ข้อจำกัด บางสายงานอาจไม่จำเป็นมากนัก |
ดูดีจังเลยค่ะ
ชอบ ๆๆ